การนอนไม่หลับมี 3 ชนิด หลับยาก หลับ ๆ ตื่น ๆ และ หลับไปแล้วตื่นกลางดึกหลับต่อไม่ได้อีก ก่อนจะไปถึงวิธีดูแลตนเอง ควรมีความรู้เรื่องการนอนสั้น ๆ ก่อน
การนอนของคนเรามี 2 ชนิด คือ การนอนแบบไม่มีการกลอกลูกตารวดเร็ว เรียกว่า NREM sleep และการนอนแบบมีการกลอกลูกตารวดเร็ว เรียกว่า REM sleep เมื่อเราหลับใหม่ ๆ เราจะเข้าสู่การนอนแบบ NREM sleep ระยะที่ 1 แล้วก็ 2 แล้วก็ 3 แล้วก็ 4 นั่นคือหลับลึกลงไปเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยคนเราใช้เวลาประมาณ 2-7 นาทีในการผ่านเข้าสู่ระยะที่ 2 จึงจะเป็นการหลับจริง ๆ ไม่รู้สึกตัวอะไรแล้ว คนเราใช้เวลาครึ่งหนึ่งของการนอนทั้งหมดในช่วงระยะที่ 2 นี้ การนอนหลับลึกที่สุดคือระยะที่ 4 ปลุกยากที่สุดด้วย
พอผ่านระยะที่ 4 ไปแล้วคนเราจะเข้าสู่การนอนแบบ REM sleep คือการนอนที่มีการกลอกลูกตารวดเร็วและการฝัน ฝันเรื่องที่ 1 ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น แล้ววนเข้าสู่การนอนแบบ NREM sleep ระยะที่ 2 3 แล้วก็ 4 อีกรอบหนึ่ง ตลอดทั้งคืนเราจะมีวงจรการนอนแบบไม่ฝันและฝันนี้ทั้งหมด 4-5 รอบ นั่นคือเราจะฝันทั้งหมด 4-5 ครั้ง แต่ละวงจรกินเวลาประมาณ 90-110 นาที การฝันรอบที่ 1 สั้นที่สุดแล้วจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ รวมเวลาการฝันทั้งหมดประมาณ ร้อยละ 20-25 ของการนอน ความฝันที่เราจำได้คือความฝันรอบสุดท้าย
เวลาคนเรานอนไม่หลับ รูปแบบการนอนแบบไม่ฝันและแบบฝันทั้งหมดที่เล่ามาจะเสียหายตามไปด้วย เช่น การนอนระยะที่ 2 ไม่เพียงพอ การฝันมากเกินไป การฝันน้อยเกินไป วงรอบการนอนแบบไม่ฝันและแบบฝันถี่เกินไป เป็นต้น ความไม่ปกติของรูปแบบเหล่านี้เองที่ทำให้เรานอนไม่หลับหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ นอนไม่อิ่ม ตื่นเช้าไม่สดชื่น ไปจนถึงเครียดง่าย ซึมเศร้าง่าย และฉุนเฉียวง่าย บ้างหลงลืมง่ายด้วย จะเป็นแบบไหนก็ตาม วิธีดูแลตนเองด้วยวิธีทางธรรมชาติดีที่สุดคือล้มกระดาน
หลักการคือ ไม่ง่วงไม่นอน ห้องนอนมีไว้นอนและเพศสัมพันธ์ ห้ามทำอย่างอื่น นอนสักพักหากรู้ตัวว่าไม่หลับแน่แล้วให้ลุกออกไปจากห้องนั้น หางานทำกลางดึกจนกว่าจะง่วงค่อยกลับไปนอนใหม่ นอนสักพักหากรู้ตัวว่าไม่หลับแน่แล้วให้ลุกออกไปจากห้องนั้นอีก ทำเช่นนี้เรื่อยไปจนถึงเช้า เช้าไปทำงาน ห้ามกินกาแฟ และห้ามงีบ คืนที่สองเอาใหม่ คืนที่สามเอาใหม่ คืนที่สี่เอาใหม่ ธรรมชาติจะบำบัดเราให้หลับไปได้สักคืนโดยช่วยปรับรูปแบบการนอน ละการฝันให้มีสัดส่วนที่ถูกต้องในที่สุด เราอาจจะหลับสบายทุกคืนไปอีกพักใหญ่ก่อนเริ่มวงจรนอนไม่หลับอีก ก็ทำแบบเดิมใหม่อีก
ในเวชปฏิบัติไม่มีใครยอมทำตามคำแนะนำนี้เท่าใดนัก ส่วนใหญ่ร้องขอยาที่ช่วยทำให้นอนหลับง่ายกว่า จิตแพทย์ทั่วไปมักไม่จ่ายยาในตระกูลยานอนหลับจริง ๆ เพราะเสพติด ดื้อยา และอาจจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวตามหลังได้ จิตแพทย์ส่วนใหญ่มักหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุเสียมากกว่า กล่าวคือเป็นโรคเครียด โรคซึมเศร้า หรือโรคจิต ก็รักษาไปตามนั้น มียาที่ทำให้ง่วงกินก่อนนอนด้วยแต่มิใช่ยานอนหลับ เป็นยารักษาโรคแต่ง่วงจึงให้กินก่อนนอน
หลายครั้งเราไม่ได้มีโรคอะไรเลย ไม่เครียด ไม่เศร้า และไม่เสียสติ เป็นนอนไม่หลับอย่างเดียวจริง ๆ เรียกว่า Primary Insomnia จิตแพทย์มักจะให้ยาที่ง่วงแต่ปลอดภัยให้ กินนาน ๆ ไม่เป็นอะไร กินตลอดชีวิตก็ไม่เป็นอะไร
มีงานวิจัยสมองสมัยใหม่ที่น่าตื่นเต้น…
ถึงปี 2016 มีโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการนอนมากถึง 88 ชนิด และ 1 ใน 88 ชนิดนั้นคือ Fatal Familial Insomnia โรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของระบบประสาทซึ่งถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรมมีอาการนอนไม่หลับถึงตายได้
ความก้าวหน้าเรื่องการฝันยิ่งสนุกมาก เดิมเรารู้อยู่แล้วว่าความฝันมีหน้าที่ของมัน ความฝันมีหน้าที่ระบายความเครียดตลอดทั้งวัน ความคับข้องใจ ความเคียดแค้น รวมทั้งความกำหนัด ที่แสดงออกไม่ได้ตอนกลางวันก็นำมาปลดปล่อยในความฝัน ความฝันยังทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญในการ defragment ข้อมูลรวมทั้งข้อมูลขยะจำนวนมากที่เราได้รับทุก ๆ วัน
ถึงวันนี้นักวิทยาศาสตร์พบว่าช่วงที่คนเรานอนหลับช่องว่างระหว่างเซลล์สมองจะถ่างออกมากขึ้น ทำให้ของเหลวระหว่างเซลล์ไหลบ่าท่วมท้นเข้าไปทุกซอกทุกหลืบแล้วพัดพาสิ่งสกปรกออกไป หนึ่งในสารที่ถูกพัดพาออกไปทิ้งคือ Amyloid Plaque ซึ่งเป็นพยาธิสภาพที่สำคัญของโรคอัลไซเมอร์
ถึงวันนี้การนอนไม่หลับดูคล้ายจะมีอันตรายมากกว่าที่คิด
คำเตือนเหล่านี้เป็นเพียงงานวิจัยขั้นต้น อ่านเอาสนุกไปก่อน
Resource : HealthToday Magazine, No.185 September 2016