การบริโภคโซเดียมมากเกินไปไม่ได้ส่งผลเสียโดยตรงต่อไตเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว “ทั้งร่างกาย” ของเรากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง!
Checklist ความเสี่ยงที่มากับรสเค็มจัด
🧠 สมอง ➡️ เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ทั้งแตกและตีบตัน จากภาวะความดันโลหิตสูง
❤️ หัวใจ ➡️ทำงานหนักขึ้น เสี่ยงต่อเกิดภาวะหัวใจโตและภาวะหัวใจวาย
🩸 หลอดเลือด➡️ความดันโลหิตที่สูงขึ้นจะทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
🫘ไต ➡️ อวัยวะด่านหน้าที่ต้องกรองโซเดียมส่วนเกินทิ้ง หากทำงานหนักเกินไปจะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นำไปสู่โรคไตเรื้อรัง
🦴 กระดูก ➡️โซเดียมดึงแคลเซียมออกจากร่างกาย ทำให้มวลกระดูกลดลง เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนโดยไม่รู้ตัว
ใน 1 วันไม่ควรบริโภคโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัม (สามารถเทียบเท่ากับ):
- เกลือป่นประมาณ 1 ช้อนชา
- น้ำปลาประมาณ 4–5 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาวประมาณ 6 ช้อนชา
สิ่งสำคัญ คือ โซเดียมไม่ได้มาจากเครื่องปรุงรสเค็มเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังแฝงอยู่ในอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น
- อาหารแปรรูป ไส้กรอก, แฮม, โบโลน่า
- อาหารกึ่งสำเร็จรูป บะหมี่, โจ๊กซอง
- ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด
- ซอสและน้ำจิ้มต่างๆ
- อาหารตามธรรมชาติ ก็มีโซเดียมอยู่แล้วในปริมาณหนึ่ง
การชิมก่อนปรุงและอ่านฉลากโภชนาการเพื่อดูปริมาณโซเดียมก่อนรับประทาน จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมเกินความจำเป็นในแต่ละวัน
#โซเดียม #ลดเค็มลดโรค #กินเค็ม #โซเดียมสูง #โรคไต #ไตวาย #ความดันโลหิตสูง #โรคหัวใจ #โรคหลอดเลือดสมอง #กระดูกพรุน
เอกสารอ้างอิง
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข: https://ddc.moph.go.th/
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข: https://anamai.moph.go.th/
- เครือข่ายลดบริโภคเค็ม: http://www.lowsaltthailand.org/
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.): https://www.thaihealth.or.th/