เมื่อตอนเป็นเด็ก ท่านที่มีครอบครัวขนาดใหญ่หลายท่าน โดยเฉพาะท่านที่มีบ้านอยู่ในต่างจังหวัดคงมีประสบการณ์เหมือนดิฉันเรื่องการนอนรวมกันหลาย ๆ คนมาแล้ว มีทั้งตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พ่อ แม่ พี่ น้อง เวลาเข้านอนแต่ละวันคงเป็นเรื่องสนุกสนานมาก เพราะสมัยก่อนบ้านมักจะไม่แบ่งแยกออกเป็นห้อง ๆ เหมือนบ้านสมัยนี้ ห้องนอนจึงเป็นเหมือนห้องรวมญาติ ลักษณะของห้องจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมโล่ง ๆ ใครจะนอนใกล้ใครเลือกได้ตามใจชอบ ก่อนนอนแต่ละคนก็มักจะมีเรื่องราวที่ได้ประสบพบมาในแต่ละวันมาเล่าสู่กันฟัง คุยกันในความมืด แล้วก็ค่อย ๆ ผลอยหลับไปทีละคนสองคน ดิฉันว่านี่คือข้อดีของการนอนรวมกัน คือก่อให้เกิดความอบอุ่นทั้งกายและใจ
ปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะสังคมเมือง บ้านสมัยใหม่มีการแบ่งห้องตามการใช้งานอย่างชัดเจน เช่น ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอน ไม่ใช้พื้นที่ปะปนกัน ขนาดของครอบครัวเล็กลง กลายเป็นครอบครัวเดี่ยว บ้านหลังหนึ่งอาศัยกันอยู่ 2-3 คนเท่านั้น หากมีสมาชิกครอบครัวสัก 5 คน ปัญหาในการจัดสรรห้องนอนก็จะตามมา บางครอบครัวต้องเปลี่ยนจากห้องครัวเดิมมาเป็นห้องนอน แล้วย้ายครัวไปอยู่หลังบ้านแทน ซึ่งตามหลักแล้วไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะจะมีปัญหาเรื่องของการระบายอากาศและกลิ่นตามมา วันนี้ดีฉันมีข้อแนะนำเรื่องการจัดห้องนอนสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคนให้ได้นอนด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่นอนกับลูก หรือพี่นอนกับน้องมาฝากค่ะ
การออกแบบตกแต่งห้องนอน
โดยทั่วไปแล้วจะคำนึงถึงตำแหน่งที่ตั้งของห้องนอนเป็นลำดับแรก แล้วจึงตามมาด้วยการตกแต่ง ที่ตั้งของห้องนอนที่ดีคือต้องเป็นห้องที่มีความเงียบสงบเพื่อการนอนพักผ่อนจริง ๆ ดังนั้นทำเลที่ตั้งของห้องนอนจึงควรอยู่ห่างจากห้องที่มีเสียงอึกทึกครึกโครม ปราศจากกลิ่นรบกวน มีการถ่ายเทอากาศที่ดี นั่นคือ ต้องมีทางลมเข้าออกสะดวก มีแสงสว่างส่องถึงในตอนเช้า ห้องนอนจึงควรอยู่ทางทิศตะวันออกหรือทิศใต้เพื่อเลี่ยงแสงแดดจัดในตอนกลางวันและตอนบ่าย
การจัดพื้นที่ใช้สอยในห้องนอนแบ่งคร่าว ๆ ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นพื้นที่สำหรับใช้งานส่วนตัว เช่น แต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนนี้ควรอยู่ใกล้กับห้องน้ำ ส่วนที่สองเป็นส่วนสำหรับการนอนหลับพักผ่อน บ้านหลังหนึ่งอาจแบ่งห้องนอนออกเป็นห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) ซึ่งมักเป็นห้องนอนสำหรับเจ้าของบ้าน มีห้องน้ำในตัว มีห้องทำงานส่วนตัว หรืออาจมีห้องสำหรับแต่งตัวรวมอยู่ด้วยก็ได้ ห้องอื่น ๆ จะมีขนาดเล็กกว่าซึ่งมักใช้เป็นห้องสำหรับลูกหรือห้องนอนสำหรับรับรองแขก
ทีนี้มาว่ากันถึงเรื่องการจัดตกแต่งห้องนอน มีครอบครัวหนึ่งมาปรึกษาดิฉันเรื่องนี้ ครอบครัวนี้มีสมาชิกอยู่ด้วยกัน 5 คน มีคุณพ่อ คุณแม่ ลูกสาวอายุ 12 ปี ลูกชายอายุ 11 ปี และ 9 ปีตามลำดับ ครอบครัวนี้ซื้อบ้านจัดสรรขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ด้วยความที่ลูก ๆ มีอายุไล่เลี่ยกัน ตอนที่ยังเล็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่เลยให้นอนรวมกันทั้งหมดในห้องนอนใหญ่ โดยคุณพ่อคุณแม่นอนบนเตียง ลูก ๆ นอนใกล้ ๆ กับพ่อแม่ พอลูกเริ่มโต ลูกสาวและลูกชายคนรองก็รบเร้าขอแยกห้องนอน เหลือแต่ลูกชายคนเล็กที่ยังขอนอนกับคุณแม่อยู่ จึงมาปรึกษาว่าควรจัดห้องนอนสำหรับลูกสาวลูกชายให้นอนรวมกันอย่างไรดีจึงจะเหมาะสม และห้องนอนคุณพ่อที่ยังมีลูกชายคนเล็กนอนด้วยนั้นควรจัดอย่างไร โดยขอให้แต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัวด้วย
เริ่มจากห้องนอนคุณพ่อคุณแม่ก่อน ห้องนี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้สบาย ๆ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นตู้หนังสือแบบโปร่งกั้นส่วนหนึ่งเป็นส่วนของคุณพ่อ อีกส่วนเป็นของลูกชาย ในส่วนของคุณพ่อจะมีเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ เตียงนอนขนาดใหญ่ 5 หรือ 6 ฟุต โต๊ะข้างเคียง และเก้าอี้นั่งพักผ่อน ในโซนของลูกชายคนเล็กซึ่งเริ่มโตแนะนำให้ใช้เป็นเตียงนอนเดี่ยวขนาด 3.5 ฟุต ซึ่งสามารถใช้ได้นานไปถึงวัยรุ่น บริเวณใต้เตียงอาจทำเป็นลิ้นชักสำหรับเก็บของเล่นเพื่อความเป็นระเบียบ สิ่งจำเป็นที่ต้องมีสำหรับเด็กวัยนี้คือโต๊ะทำการบ้าน ชั้นวางหนังสือ และชั้นเก็บของส่วนตัว สำหรับโทนสีที่ใช้ในห้องนี้อาจเป็นสีเดียวกัน ควรเลือกสีโทนอ่อนหรือโทนอบอุ่นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และยังทำให้ห้องดูกว้างขึ้นอีก หากต้องการความสดใสในโซนของลูก แนะนำให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันหรือเครื่องนอนที่สีสันสดใสแทนจะดีกว่า
สำหรับห้องนอนของลูกสาวและลูกชายคนโต ขนาดของห้องจะเล็กลงมานิด ดิฉันเลือกเตียงนอนเป็นเตียงเดี่ยวขนาด 3.5 ฟุตให้ทั้งสองคน เพื่อที่จะได้นอนแยกกัน หากจะเลือกเป็นเตียงสองชั้นก็ได้ค่ะ แต่ดิฉันเห็นว่าเตียงสองชั้นนั้นช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ได้ก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่คือ คนที่นอนเตียงบนจะรู้สึกอึดอัดพอสมควรเพราะต้องนอนใกล้กับฝ้าเพดาน ซึ่งบ้านเรากำหนดความสูงของฝ้าเพดานไว้ประมาณ 2.50 – 2.60 เมตรเท่านั้น แต่ความสูงของเตียง
สองชั้นจะอยู่ที่ประมาณเกือบ 2.00 เมตร เหลือพื้นที่ด้านบนน้อยมาก จึงมักทำให้รู้สึกอึดอัดเวลานอน เตียงสองชั้นจึงมีอายุการใช้งานสั้น เพราะพอเด็กโตเข้าสู่วัยรุ่นก็ไม่อยากนอนแล้วค่ะ
นอกจากเตียงแล้ว เฟอร์นิเจอร์ก็จำเป็นคือ โต๊ะทำการบ้าน ตู้หนังสือ ชั้นเก็บของ พื้นที่ส่วนนี้เป็นส่วนที่ต้องใช้ร่วมกัน จึงแนะนำให้ใช้โต๊ะแบบยาวตั้งแยกออกมาต่างหากจากส่วนของเตียงนอน สำหรับโทนสีที่ใช้ในห้องนี้ให้ใช้โทนสีกลาง ๆ เช่น เหลืองอ่อน เขียวอ่อน ไม่ใช้โทนสีที่หวานหรือโทนเข้มเกินไป เพราะเป็นห้องของทั้งสาวและหนุ่ม จะเห็นว่าทั้งสองห้องนี้ไม่มีตู้เสื้อผ้าหรือส่วนสำหรับแต่งตัว ดิฉันจึงให้ใช้ห้องนอนที่เหลืออีกห้องเป็นห้องแต่งตัวรวมของเด็ก ๆ ในอนาคตอาจปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนของสมาชิกคนใดก็เป็นได้
พอจะได้ไอเดียบ้างไหมคะ สำหรับดิฉันเห็นว่าการนอนรวมกันเป็นการฝึกความเป็นระเบียบ รู้จักเกรงอกเกรงใจสมาชิกร่วมห้อง มีพี่น้องให้พูดคุยปรึกษาปัญหา รู้สึกอบอุ่น ทำให้สมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดกัน สมกับเป็นครอบครัวสุขสันต์ค่ะ
Resource: HealthToday Magazine, No.211 November 2018