ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ประเทศไทยจะมี ‘มหกรรมการวิ่ง’ ครั้งประวัติศาสตร์เกิดขึ้นอีกครั้งภายใต้ชื่อโครงการ ‘หมอชวนวิ่ง’ เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปีแพทยสภา และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศ
อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โดย HealthToday ฉบับนี้ได้รับเกียรติจาก นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ประธาน
คณะอนุกรรมการโครงการหมอชวนวิ่ง มาให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการนี้…โครงการที่เกิดขึ้นได้ด้วยความ
ร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากเรื่องราวของโครงการหมอชวนวิ่งแล้ว ผู้อ่านยังจะได้รับแนวคิดและกำลังใจดี ๆ ในการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตนเองจากคุณหมอสัมพันธ์ ‘ต้นแบบสุขภาพ’ ผู้ประสบความสำเร็จในการปฏิวัติตัวเองเพื่อสุขภาพมาแล้ว เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เราทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ไม่ว่าจะวัยใดก็ตาม
หมอชวนวิ่ง โครงการดี ๆ ที่ใคร ๆ ก็วิ่งได้
อาจกล่าวได้ว่าโครงการ ‘หมอชวนวิ่ง’ ที่กำลังจะเริ่มออกสตาร์ททั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายนนี้ เป็นโครงการแรกที่มีหมอเป็นแกนนำในการจุดประกายให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพโดยการออกกำลังกายเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน ทั้งยังมีสถิติการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพของตนเองแล้ว การจัดงานในครั้งนี้ยังมีอีกหนึ่งวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับประชาชน
“สิ่งที่ต้องการมากที่สุดสำหรับโครงการนี้คือให้หมอและประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศไทยมีส่วนร่วมมากที่สุด
คำว่า ‘หมอ’ หมายถึงบุคลากรทางการแพทย์ในแต่ละพื้นที่ทั้งรัฐและเอกชน ‘ประชาชน’ หมายถึง ทุกคน ทุกเพศ
ทุกวัย สามารถเข้าร่วมได้หมด ไม่มีค่าใช้จ่าย จะเดิน จะวิ่ง หรือนั่งรถเข็น ได้ทุกรูปแบบ แม้แต่ผู้สูงอายุก็สามารถมาร่วมเดินไปพร้อม ๆ กันได้ ไม่จำกัดระยะทาง จะมากหรือน้อยก็ได้ ซึ่งเราคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 500,000 คน รวมระยะทางวิ่งนับหมื่นกิโลเมตร
สำหรับผู้ที่ต้องการของที่ระลึกจากโครงการนี้ เราได้จัดทำเสื้อที่ระลึกหมอชวนวิ่งจำหน่ายในราคาตัวละ 200 บาท สามารถดูรายละเอียดการสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์หมอชวนวิ่ง http://morchuanwing.com ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อที่ระลึก ก็ร่วมวิ่งไปด้วยกันได้ เราจะเริ่มวิ่งจากชายขอบของประเทศทั้งหมด 15 สายจากทั่วทุกภูมิภาค เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงราย เลย บึงกาฬ อุบลราชธานี ตราด กาญจนบุรี และยะลา เป็นต้น เป็นการเริ่มวิ่งจากชายขอบจริง ๆ อย่างที่ยะลาจะเริ่มจากเบตง กาญจนบุรีเริ่มที่ด่านเจดีย์สามองค์ และเชียงรายเริ่มที่แม่สาย โดยเราจะมีนักวิ่งที่เราเรียกว่า กลุ่มฮาร์ดคอร์ (Hardcore) มาช่วยวิ่งในเส้นทางที่ยากลำบาก เช่น พื้นที่ภูเขาที่
คดเคี้ยว จำเป็นต้องใช้นักวิ่งมืออาชีพ ซึ่ง ณ ตอนนี้มีนักวิ่งมาราธอนหลายท่านได้แสดงความจำนงเข้าร่วมวิ่งในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของการวิ่งในครั้งนี้คือ ในแต่ละเส้นทาง ณ จังหวัดที่เริ่มต้นจะมีคฑาบรรจุ
ธงสัญลักษณ์และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ส่งต่อกันในแต่ละจังหวัดเพื่อนำมาบรรจุในฐานพระพุทธรูปของแพทยสภา โดยคฑาจะต้องอยู่กับผู้ที่กำลังวิ่งเท่านั้น ห้ามนำขึ้นรถโดยเด็ดขาด การวิ่งในทุกเส้นทางจะมาสิ้นสุดพร้อมกัน ณ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งโครงการหมอชวนวิ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผมจึงขอถือโอกาสนี้กล่าวขอบคุณผู้บริหารทุกท่านทั้งในอดีตและปัจจุบัน ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และทุก ๆ ท่านที่มีส่วนผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นเป็นผลสำเร็จ อย่างไรก็ตามโครงการนี้จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยหากคุณหมอ บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนไม่ออกมาวิ่ง จึงขอเชิญชวนทุกคนออกวิ่งไปด้วยกัน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำในครั้งนี้ไปพร้อม ๆ กัน”
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการหมอชวนวิ่งสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://morchuanwing.com หรือที่ Facebook Fanpage: หมอชวนวิ่ง ซึ่งนอกจากจะมีข้อมูลเส้นทางการวิ่งแล้ว ในเฟสบุคยังได้อัพเดตหลากหลายสาระ
น่ารู้เกี่ยวกับการวิ่งให้ทุกคนได้เข้าไปศึกษาเพื่อเตรียม
ความพร้อมก่อนถึงวันออกสตาร์ทอีกด้วย
Health Yourself สุขภาพเป็นของคุณ และคุณต้องสร้างเอง
คุณหมอสัมพันธ์เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่คร่ำหวอดในวงการสุขภาพและสาธารณสุขไทยมาอย่างยาวนานหลายสิบปี โดยคุณหมอเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการแพทยสภาเป็นระยะเวลาถึง 8 ปี ได้รับรู้ถึงปัญหาสุขภาพของคนไทยใน
หลากหลายแง่มุม และเมื่อสอบถามถึงปัญหาที่คุณหมอเป็นกังวลมากที่สุดในขณะนี้ คำตอบที่ได้คือ…
“สิ่งที่เป็นปัญหาหลัก ๆ เลยคือ ‘ประชาชนยังดูแลตัวเองน้อยไป’ หลายคนคิดว่าไม่สบายก็ไปโรงพยาบาล หาหมอ กินยา เดี๋ยวก็หาย ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะก่อนที่จะไปถึงจุดที่เจ็บป่วยจนต้องไปพึ่งหมอพึ่งยา ดีที่สุดคือ ‘การดูแลตัวเอง’ Health Yourself เพราะสุขภาพเป็นของคุณ คุณต้องสร้างด้วยตัวเองครับ อันที่จริงสิ่งที่บั่นทอนสุขภาพของคนไทยมีไม่กี่อย่างหรอกครับ หลัก ๆ ก็คือ การกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน และเรื่องของอารมณ์ ถ้าเราดูแลเรื่องพวกนี้ได้อย่างเหมาะสม เราจะเจ็บป่วยน้อยลงแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอาหาร ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพเยอะมาก แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ เลี่ยงของทอดของมัน ลดแป้งและน้ำตาล ผมจะทานแป้งและน้ำตาลน้อยมาก เน้นทานผักผลไม้ ในส่วนของเนื้อสัตว์ผมทานได้ทุกอย่างเพราะเราคงไม่สามารถเลือกได้ตลอดว่าจะทานเฉพาะเนื้อปลาหรือเนื้อขาว ที่สำคัญคือ ‘กินให้น้อยลง’ และดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของการเจริญสติ รักษาอารมณ์ให้นิ่ง ไม่หวั่นไหว ท้อแท้ หรือหดหู่เกินไป แล้วก็ออกกำลังกาย พวกเรายังออกกำลังกายกันน้อย ทั้งที่ความจริงแล้วการออกกำลังกายนั้นทำได้ง่าย ไม่เสียตังค์ ทั้งยังดีต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส ซึ่งผมก็หวังว่ากิจกรรมหมอชวนวิ่งครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น เป็นตัวกระตุ้นให้เราคนไทยดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องต่อไปครับ”
ปฏิวัติตัวเองใหม่ ไม่ประมาท
คนส่วนหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้ชีวิตล่วงเลยมาจนถึ
งวัยกลางคนและวัยสูงอายุอาจมองว่า การเริ่มต้นดูแลสุขภาพในวัยขนาดนี้เป็นเรื่องที่สายเกินไป คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ซึ่งเป็นความคิดที่ ‘ผิด’ ที่เรากล้ายืนยันเพราะว่าในการสัมภาษณ์ครั้งนี้คุณหมอสัมพันธ์ได้บอกเล่าประสบการณ์ตรงของตนเองเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่า ‘ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นดูแลตัวเอง’
“เมื่อก่อนผมเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย เล่นฟุตบอล เล่นกีฬาเยอะ เรียนน้อยหน่อย (หัวเราะ) ตอนนั้นหุ่นดีมาก แต่พอมาทำงานก็ค่อนข้างปล่อยตัวกับเรื่องการดูแลสุขภาพ เรียกได้ว่าใช้ชีวิตประมาท ไม่ได้สนใจตัวเองเท่าที่ควร และทิ้งเรื่องออกกำลังกายไปเลย เพราะทำงานค่อนข้างเยอะ คิดว่า
ไม่เป็นไรเพราะเราเป็นนักกีฬามาก่อน จนกระทั่งมีปัญหา
หลอดเลือดหัวใจ ต้องทำบอลลูน หลังจากทำบอลลูนแล้วผมก็หันมาปฏิวัติตัวเองใหม่ บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้กับโรคนี้อีกแล้ว ต้องดูแลตัวเอง ปฏิวัติตัวเองทั้งเรื่องอาหาร การ
พักผ่อน การออกกำลังกาย ฝึกจิตใจให้นิ่ง รู้จักปล่อยวาง มีอุเบกขา ผมอายุ 60 กว่าแล้วยังทำได้ คุณก็ทำได้ อย่าบอกว่าไม่มีเวลา สำหรับผมนั่นคือข้ออ้างร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเมื่อก่อนผมก็ชอบพูดคำนี้ แต่ตอนนี้ 3 ทุ่มผมก็ยังเดินออกกำลังกาย ประมาณ 1 ชั่วโมง ทำแบบนี้มา 5-6 ปีแล้ว เดินหน้าบ้านนี่แหละ ไม่ต้องออกไปไหนไกล ทุกวันนี้
ตื่นนอนมาตอนเช้าผมรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงใกล้เคียงกับเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ เลย”
นอกจากนี้คุณหมอสัมพันธ์ยังบอกด้วยว่า การเดินออกกำลังกายคนเดียวนั้นดีมาก เพราะได้เจริญสติไปด้วย ได้ประโยชน์ทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ครบถ้วนกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นอย่ามัวรีรอกันต่อไปเลยค่ะ
‘ปฏิวัติตัวเองใหม่ คุณทำได้แน่นอน’
สวยศัลย์ ต้องรู้ทัน ไม่ฉาบฉวย
หลังจากซักถามคุณหมอเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกันไปพอสมควรแล้ว ทีมงานจึงขอไปต่อ ว่าด้วยเรื่อง ‘ศัลยกรรมความงาม’ ประเด็นยอดนิยมที่คนยุคใหม่ทั้งไทยและทั่วโลกต่างให้ความสนใจ ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ตกแต่งใบหน้า คุณหมอสัมพันธ์มีคำแนะนำเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมความงามอย่างไรบ้าง
“การทำศัลยกรรมความงามเป็นการเสริมบุคลิก และอาจมองได้ว่าเป็นการลงทุน เพราะมีงานวิจัยในต่างประเทศได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการมีลักษณะทางกายภาพที่ดีมีผลต่อหน้าที่การงานและรายได้ที่เพิ่มขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ความต้องการเสริมความงามเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน และทุกคนตัดสินใจง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ โดยส่วนตัวผมมองว่าถ้าเป็นการทำเพื่อปรับบุคลิกพื้นฐานก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่อย่าให้เลยเถิดกลายเป็นการเสพติดศัลยกรรมก็พอ อย่าคาดหวังว่าการทำศัลยกรรมหรือเวชศาสตร์ความงามจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราได้หมดทุกอย่าง แนะนำให้ทำตามสมควร ที่สำคัญคือ ควรพูดคุย ปรึกษา ทำความเข้าใจกับคุณหมอในประเด็นต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น ใช้วิธีการอะไร ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ รวมไปถึงความรับผิดชอบต่าง ๆ และควรดูผลงานของคุณหมอท่านนั้น ๆ ด้วยว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เช่น สอบถามจากคนที่เคยทำมาก่อน ไม่ใช่แค่เห็นโฆษณาหรือฟังใครก็ไม่รู้เล่าต่อ ๆ กันมาก็ตัดสินใจไปทำเลยโดยไม่ได้ศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า ต้องศึกษารายละเอียด อย่าฉาบฉวย เพื่อตัวของเราเอง”
นอกจากความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราค้นพบจากการได้พูดคุยกับคุณหมอสัมพันธ์ก็คือ การเป็นนักคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหา เห็นได้จากการที่คุณหมอได้นำประสบการณ์เกือบ 30 ปีในการทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้ามาต่อยอดจนสามารถคิดค้น ‘แกนตั๊กแตน’ ซิลิโคนเสริมจมูกที่ออกแบบมาให้ง่ายต่อการนำไปใช้งานและเหมาะสำหรับคนเอเชีย ป้องกันการเบี้ยวเอียง ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันได้รับการจดอนุสิทธิบัตรหนึ่งเดียวของประเทศ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทย
จิตใจ ที่พึ่งที่ดีที่สุด
ตลอดการสัมภาษณ์ สิ่งหนึ่งที่คุณหมอสัมพันธ์เอ่ยถึงอยู่บ่อยครั้ง นั่นคือเรื่องของ ‘การเจริญสติ’ เมื่อทีมงานสอบถามถึงเรื่องนี้ คุณหมอจึงขยายความให้ฟังว่า
“ตอนเด็ก ๆ ผมเชื่อสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ได้สนใจพุทธศาสนาเลย มองว่ามีแต่ภาษาบาลี ไม่รู้เรื่อง ประกอบกับเรียนเก่งด้วยจึงยิ่งมั่นใจในตัวเอง แต่พอมีโอกาสได้ศึกษาพุทธศาสนา จึงเข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ก็คือสิ่งที่มาจากธรรมชาติ ศาสนาพุทธคือศาสนาที่เรียนรู้จากธรรมชาติ เป็นการค้นพบธรรมชาติที่ลึกที่สุด คือ ‘จิตใจของเรา’ และนี่คือสุดยอดวิทยาศาสตร์ที่ไม่ได้มาจากการชั่ง ตวง วัด แต่เกิดจากการเฝ้าติดตาม พิจารณาอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก
มีสตินึกรู้อยู่กับปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้จิตใจของเราสงบนิ่ง สามารถแก้ปัญหา และทำในสิ่งที่มุ่งหวังไว้ให้เป็นผลสำเร็จได้ เช่น การปรับเปลี่ยนตัวเองเรื่องการกิน การออกกำลังกาย คุณจะปฏิวัติตัวเองได้ขึ้นอยู่ที่ใจครับ ใจคือที่พึ่งสำคัญของเรา จึงอยากให้ทุกคนหันมาดูแลรักษาจิตใจของตัวเองให้มากด้วยการเจริญสติ”
สุดท้ายนี้ ขอวนกลับไปที่โครงการหมอชวนวิ่งกันอีกครั้ง สำหรับใครที่ยังคิดไม่ตกว่าจะเริ่มต้นดูแลสุขภาพตนเองอย่างไร ให้โครงการหมอชวนวิ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิวัติตัวเองกันนะคะ
Resource: HealthToday Magazine, No.210 October 2018