ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หากประเมินภาวะโภชนาการแล้วพบว่ามีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง ผู้ป่วยควรเพิ่มการรับประทานอาหารว่างที่ชื่นชอบเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัว และป้องกันน้ำหนักตัวลดลง ผู้ป่วยระยะนี้สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ แต่ควรหลากหลายและครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ โดยอาจนอนพักช่วงกลางวันอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมงต่อวัน และทำจิตใจให้พร้อมรับการรักษา ไม่เครียดหรือวิตกกังวล
เมื่ออยู่ระหว่างให้เคมีบำบัด ผู้ป่วยยังคงรับประทานอาหาร 5 หมู่ได้ตามปกติ แต่ผู้ป่วยบางส่วนมักมีอาการข้างเคียงที่ส่งผลต่อภาวะโภชนาการ สำหรับผู้ที่มีอาการข้างเคียงให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามคำแนะนำต่อไปนี้
ความอยากอาหารลดลง
- รับประทานอาหารปริมาณน้อย แต่บ่อยมื้อ
- เลือกเมนูที่ชอบ และให้พลังงานและโปรตีนสูง
- หลีกเลี่ยงเมนูน้ำในอาหารมื้อหลัก
- จัดสิ่งแวดล้อมให้ผ่อนคลาย ผู้ดูแลอาจรับประทานเป็นเพื่อน จะช่วยให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดีขึ้น
น้ำหนักลด เม็ดเลือดต่ำ
- รับประทานโปรตีนเพิ่ม โดยเลือกเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย เช่น ปลา ไข่ เต้าหู้
- หากน้ำหนักลดอย่างต่อเนื่องควรเพิ่มอาหารเหลว เช่น น้ำผลไม้ ซุป โยเกิร์ต ไอศกรีม เป็นต้น
โลหิตจางและเม็ดเลือดแดงต่ำ
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงก่อนและหลังการได้รับเคมีบำบัด เช่น เนื้อสัตว์ ผักใบเขียวเข้ม แต่หากโลหิตจางมาก แพทย์อาจจำเป็นต้องให้ยากระตุ้นเม็ดเลือด
แผลในช่องปาก ปากแห้ง คอแห้ง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 10 แก้ว
- หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด เปรี้ยวจัด อาหารร้อน อาหารที่แข็งหรือกรอบ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- อมลูกอมเพื่อกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย
- กลั้วคอด้วยน้ำเกลือเป็นประจำโดยผสมเกลือ 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 แก้ว
การรับรสและกลิ่นเปลี่ยน
- ดูแลรสชาติอาหาร ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
- อาจใช้สมุนไพรช่วยแต่งกลิ่น เช่น ใบกะเพรา โหระพา
- หลีกเลี่ยงอาหารมัน เพราะทำให้ปุ่มรับรสทำงานแย่ลง
คลื่นไส้อาเจียน
- อาหารอ่อน ย่อยง่าย รสไม่จัดเกินไป
- รับประทานปริมาณน้อย แต่บ่อยมื้อ
- เสริมของว่างที่ให้พลังงานสูง เช่น ไอศกรีม ซุปข้น
- หลีกเลี่ยงอาหารมัน
ท้องเสีย
- รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
- งดอาหารรสจัด อาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงทำให้ท้องเสียเพิ่ม เช่น อาหารหมักดอง อาหารที่ปรุงไม่สุก
- ดื่มน้ำต้มสุกให้เพียงพอ อาจดื่ม 1 แก้วทุกครั้งหลังถ่ายเหลว
- ดูแลสุขอนามัยให้สะอาด
ท้องผูก
- ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
- รับประทานอาหารที่ให้กากใยสูง เช่น ผัก ธัญพืช ถั่วต่าง ๆ หากรับประทานได้ไม่มากให้นำไปปั่นแล้วดื่มพร้อมกาก
ท้องอืด
- รับประทานอาหารไขมันต่ำ ย่อยง่าย
- อาหารบางชนิดมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด เช่น ขิง สาระแหน่ ขมิ้นชัน น้ำทับทิม น้ำว่านหางจระเข้ ลูกพรุน น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น เป็นต้น
- งดอาหารที่ทำให้ท้องอืด เช่น ผักดิบ ถั่วงอก หน่อไม้ หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพด ขนุน น้ำอัดลม
- หลีกเลี่ยงการดูดน้ำจากหลอด การเคี้ยวหมากฝรั่ง และลดการคุยระหว่างกินอาหาร
- เพิ่มการเคลื่อนไหว กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
- หากอาการท้องอืดดีขึ้นควรค่อย ๆ เพิ่มการรับประทานผัก ธัญพืชให้มากขึ้น
หากพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่แนะนำข้างต้นแล้ว แต่ยังพบว่าผู้ป่วยมีมีอาการอ่อนแรง มีความเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการในระดับปานกลางถึงสูงอยู่ ควรหาเวลาพักผ่อนเพิ่ม และปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเพื่อเสริมอาหารทางการแพทย์สูตรที่เหมาะสมต่อไป
Resource: HealthToday Magazine, No.201 January 2018