กระบวนการรักษาโรคมะเร็งตามแพทย์แผนปัจจุบันมีตั้งแต่การผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด การเสริมภูมิคุ้มกัน ในการกำจัดเซลล์มะเร็ง และการรักษาแบบผสมผสานหลายวิธี การจะเลือกใช้วิธีไหนขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง ระยะของโรคมะเร็ง รวมทั้งปัจจัยจากตัวผู้ป่วยเอง เช่น อายุ สภาพร่างกายและจิตใจ เป็นต้น โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและเสนอแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ป่วย สำหรับบทความนี้ผู้เขียนขอโฟกัสที่การรักษาด้วยเคมีบำบัดเท่านั้น
การรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือที่หลายคนคุ้นหูว่าให้คีโมนั้น แท้จริงคือการให้ยาหรือสารเคมีเข้าไปทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวเพิ่มจำนวนเร็ว ซึ่งอาจมีผลต่อการฆ่าทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติได้ หากเซลล์ปกติถูกทำลายก็จะทำให้เกิดอาการข้างเคียงตามมา
อาการที่ส่งผลให้รับประทานอาหารได้ลดลง ได้แก่ สูญเสียการรับรสและกลิ่น ความอยากอาหารลดลง มีแผลใน
ช่องปาก ปากแห้ง คลื่นไส้อาเจียน น้ำหนักลดหรือเพิ่ม ท้องเสีย ท้องผูก เมื่อยล้า ซึมเศร้า เป็นต้น ผู้ป่วยจะมีอาการเหล่านี้มากหรือน้อยแตกต่างกันไป บางรายอาจไม่มีอาการหรือมีแค่บางส่วนก็ได้ขึ้นกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีอาการข้างเคียงเหล่านี้มากหรือน้อยก็อาจส่งผลกระทบต่อภาวะโภชนาการของผู้ป่วยได้
วิธีเฝ้าระวังภาวะโภชนาการ
Step 1: ให้คะแนนดัชนีมวลกาย (BMI)
โดยนำน้ำหนักหารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรสองรอบ จากนั้นให้คะแนน
BMI (kg./m2) คะแนน
มากกว่า 20 = 0
18.5 – 20 = 1
น้อยกว่า 18.5 = 2
Step 2: ให้คะแนนเปอร์เซ็นต์การลดลงของน้ำหนักแบบไม่ได้ตั้งใจในช่วง 3 – 6 เดือน
เปอร์เซ็นต์ คะแนน
น้อยกว่า 5 = 0
5 – 10 = 1
มากกว่า 10 = 2
Step 3: ให้คะแนนการรับประทานอาหาร
การรับประทานอาหาร คะแนน
รับประทานได้ = 0
รับประทานไม่ได้มากกว่า 5 วัน = 2
Step 4: ประเมินความเสี่ยงทุพโภชนาการ
คะแนนรวม Step 1 – 3 ความเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ
0 คะแนน ต่ำ
1 คะแนน ปานกลาง
2 คะแนนเป็นต้นไป สูง
ทั้งนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการในระดับปานกลางขึ้นไปควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ แต่หากมีความเสี่ยงในระดับสูงควรรีบปรึกษาเป็นการด่วนเพื่อลดภาวะแทรกซ้อน ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะทุพโภชนาการ เพิ่มความทน และอัตราการตอบสนองต่อการรักษา รวมถึงช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ตัวอย่างการทำแบบประเมินผู้ป่วยรายหนึ่งเดิมน้ำหนักเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว 60 กก. ปัจจุบันหนัก 55 กก. ส่วนสูง 160 ซม. มีอาการอาเจียนเบื่ออาหาร กินไม่ได้มา 1 สัปดาห์ จะประเมินความเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการได้ดังนี้
2. คำนวณหาเปอร์เซ็นต์การลดลงของน้ำหนักแบบไม่ได้ตั้งใจจะได้ (60 – 55) × 100 ÷ 60 เท่ากับ 8.33% หรือ 1 คะแนน 3. รับประทานไม่ได้มามากกว่า 5 วัน ดังนั้นให้ 2 คะแนน 4. รวมคะแนนข้อ 1 – 3 ได้ 3 คะแนน หมายถึง มีความเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการในระดับสูง ต้องรีบปรึกษาแพทย์และนักกำหนดอาหารเป็นการด่วน |
Resource: HealthToday Magazine, No.201 January 2018