ปัจจุบันแม้จะมีความพยายามจากทั่วโลกในการคิดค้นยาเพื่อรักษาโรคไขมันเกาะตับ แต่ยังไม่มีการคิดค้นใดที่ประสบความสำเร็จสามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ ยาที่มีการยอมรับมีผลการวิจัยยืนยันในปัจจุบัน สามารถเพียงช่วยยับยั้งการอักเสบ และลดไขมันในตับได้บางส่วนเท่านั้น ซึ่งเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ วิธีที่สามารถรักษาไขมันในตับได้จริงคือ “การลดน้ำหนัก” ซึ่งมีประสิทธิภาพที่สุด โดยต้องลดลงประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว เช่น หนัก 80 กิโลกรัม ต้องลดลง 8 กิโลกรัม จึงจะเห็นผลว่าไขมันในตับและการอักเสบลดลงชัดเจน
การลดน้ำหนักควรค่อยเป็นค่อยไป อย่าหักโหม และควรตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่าจะลดลง 10% ภายในระยะเวลากี่เดือน โดยอาจกำหนดไว้ที่เดือนละ 1 กิโลกรัม ซึ่งวิธีลดน้ำหนักที่ดีที่สุดก็คือ การควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กรณีทีผู้ที่มีตับอักเสบรุนแรงจากไขมันเกาะตับ หรือมีพังผืดเกิดขึ้นแล้ว แแพทย์อาจพิจารณาให้ยารักษาการอักเสบของตับร่วมไปด้วยระหว่างที่ผู้ป่วยกำลังพยายามลดน้ำหนัก ซึ่งจะสามารถหยุดยั้งตับอักเสบไขมันเกาะตับได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ได้ผลดีจากการใช้ยา ถ้าผู้ป่วยไม่ลดน้ำหนัก และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การอักเสบของตับจากไขมันก็มักจะกลับเป็นซ้ำหลังหยุดยา
นอกจากนี้เมื่อตรวจพบว่าเป็นไขมันเกาะตับ ผู้ป่วยควรตรวจเช็คโรคร่วมอื่นๆ ด้วย เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ ความดันโลหิตสูง เพราะป็นโรคที่พบบ่อยในผู้ที่มีไขมันเกาะตับ รวมทั้งโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีซึ่งพบบ่อยในคนไทย ในทางกลับกันหากตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคเหล่านี้ก็ควรตรวจเช็คสุขภาพตับด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่ยังไม่อ้วนก็ระวังอย่าให้อ้วน รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยเลี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้ตับของเราแย่ลง เช่น เหล้า ยาที่ไม่จำเป็นเพราะมีหลายตัวที่ส่งผลต่อตับ รวมทั้งสมุนไพรและอาหารเสริมบางอย่างที่ไม่มีข้อมูลความปลอดภัยแน่ชัด
ผู้ที่เป็นไขมันเกาะตับหลายคนกังวลมากว่าจะต้องเสียชีวิตจากโรคตับ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายจะต้องกลายเป็นมะเร็งตับ ในความเป็นจริงมีผู้ป่วยไขมันเกาะตับส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มีจะเกิดตับอักเสบที่รุนแรงและพัฒนาไปจนกระทั่งเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับ หากเราได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเหมาะสม หมั่นตรวจติดตาม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล แต่ปัญหาที่พบคือเรามักปล่อยปละละเลย ทำให้ตรวจพบโรคตับเมื่อตับเสื่อมสภาพมากแล้ว ทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควรดังนั้น การตรวจสุขภาพตับเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย
บทความที่เกี่ยวข้องกัน ไขมันเกาะตับ
Resource: HealthToday Magazine, No.179 March 2016